เมื่อจะเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าก็คงจะดูรายละเอียดรวมถึงสเปคโดยละเอียด โดยรายละเอียดพวกนี้นอกจากระบุถึงรายละเอียดสินค้าทั่วไปแล้ว ยังรวมถึงมาตรฐานที่สินค้าได้รับอีกด้วย โดยที่หลายท่านคงจะเคยเห็น มาตรฐาน RoHS ผ่านตามาบ้างแล้วรุ้หรือไม่ว่า มาตรฐาน RoHS นั้นคืออะไร ?
มาตรฐาน RoHS คืออะไร ?
RoHS เป็นข้อกำหนดที่ 2002/95/CE ของสหภาพยุโรป โดยมีชื่อเต็มจาก Restriction of Hazardous Substances ซึ่งมาตรฐานตัวนี้จะพูดถึงส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ทุกชนิด รวมถึงชิ้นส่วนทั้งหมด ตั้งแต่แผงวงจร อุปกรณ์จนถึงสายไฟ จะต้องผ่านตามข้อกำหนด ของปริมาณสารที่เป็นอันตราย โดยที่สัญลักษณ์ของมาตรฐาน RoHS มักจะเขียนคำว่า RoHS, RoHS Compliant, Pb-Free หรือ Green และแต่จะยี่ห้อก็จะแตกต่างกัน เพราะไม่มีสัญลักษณ์แบบทางการ
สารที่จำกัดไว้ตอนเริ่มมีอยู่ทั้งหมด 6 ชนิด (สามารถดูข้อมูลล่าสุดได้ที่
rohsguide.com)
1. ตะกั่ว (Pb) : มักพบในแผงวงจร แบตเตอรี่ เป็นส่วนผสมของสี โดยจะต้องมีปริมาณของตะกั่ว ไม่เกิน 0.1% ของน้ำหนักสินค้า
2. ปรอท (Hg) : มักพบในหลอดไฟ สวิตช์ ส่วนผสมในพลาสติก โดยจะต้องมีปริมาณของตะกปรอท ไม่เกิน 0.1% ของน้ำหนักสินค้า
3. แคดเมียม (Cd) : มักพบในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แบตเตอรี่ จอภาพรุ่นเก่า โดยจะต้องมีปริมาณของแคดเมียม ไม่เกิน 0.01% ของน้ำหนักสินค้า
4. เฮกชะวาเลนท์ (Cr-Vl) : มักพบในแบตเตอรี่ และอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน โดยจะต้องมีปริมาณเอกชะวาเลนท์ ไม่เกิน 0.1% ของน้ำหนักสินค้า
5. โพลีโบรมิเนต ไบเฟนนิลส์ (PBB) : เป็นสารที่พบได้น้อยมากเพราะถูกเลิกใช้ผลิตตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2000 โดยจะต้องมีปริมาณ โพลีโบรมิเนต ไบเฟนนิลส์ ไม่เกิน 0.1% ของน้ำหนักสินค้า
6. โพลีโปรมิเนต ไดเฟนนิล อีเธอร์ (PBDE) : มักพบในแผ่นวงจร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ สายไฟ โดยจะต้องมีปริมาณ โพลีโบรมิเนต ไบเฟนนิลส์ ไม่เกิน 0.1% ของน้ำหนักสินค้า
แต่สินค้าบางชิ้นก็ยังมีขอยกเว้น อาทิเช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ เหล็กอัลลอย ที่ไม่สามารถใช้สารอื่นมาทดแทนได้ หรือสารอื่นอันตรายมากกว่า นอกจากนี้ เครื่องมือทางการแพทย์ และการทหาร ก็ยกเว้นเช่นกัน
มาตรฐาน RoHS ใช้กับใครบ้าง
มาตรฐาน RoHS เป็นมาตรฐานที่ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่จำเป็นต้องการซื้อขายในยุโรป เริ่มใช้ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2006 และประเทศอื่นๆ เอง ก็เริ่มกำหนดข้อบังคับที่มีลักษณะคล้ายๆ กับมาตรฐานของ RoHS ด้วยเช่นกัน โดยที่มาตรฐานนี้ใครอนาคตอาจจะเป็นมาตรฐานที่สำคัญในการผลิตสินค้า ดังนั้นจึงควรศึกษาและพัฒนาสินค้าให้รองรับมาตรฐาน RoHS